MOVIE REVIEW AND STORYLINE: THE CLOVERFIELD PARADOX (2018)

Movie Review and Storyline: The Cloverfield Paradox (2018)

Movie Review and Storyline: The Cloverfield Paradox (2018)

Blog Article

รีวิวหนัง The Cloverfield Paradox (2018) เดอะ โคลเวอร์ฟิลด์ พาราด็อกซ์


Movie Review and Storyline: The Cloverfield Paradox (2018)



ข้อมูลหนัง


ประเภทหนัง:  ไซ-ไฟ, สยองขวัญ, แอคชัน และระทึกขวัญ


ผู้กำกับ:  Julius Onah


นักเขียน:  Oren Uziel และ Doug Jung


นักแสดงนำ:  Gugu Mbatha-Raw, David Oyelowo และ Daniel Brühl





เรื่องย่อ


The Cloverfield Paradox (2018) เดอะ โคลเวอร์ฟิลด์ พาราด็อกซ์ เรื่องราวในปี 2028 โลกกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตพลังงานครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ ส่งผลให้หลายประเทศต้องเร่งหาวิธีแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน เพื่อหลีกเลี่ยงความพินาศที่อาจเกิดขึ้น หนึ่งในความหวังนั้นคือการทดลองเปิดใช้งานเครื่องเร่งอนุภาคที่เรียกว่า Shepard ซึ่งตั้งอยู่บนสถานีอวกาศ Cloverfield แนวคิดเบื้องหลังเทคโนโลยีนี้คือการสร้างแหล่งพลังงานที่ไม่มีที่สิ้นสุดสำหรับโลก แต่มันก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่น่ากลัว ลูกเรือบนสถานีประกอบด้วยนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรจากหลากหลายประเทศ ได้แก่ Ava Hamilton วิศวกรชาวอังกฤษ Ernst Schmidt นักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน Monk Acosta แพทย์ชาวบราซิล Kiel ผู้บัญชาการชาวอเมริกัน Volkov วิศวกรชาวรัสเซีย Mundy วิศวกรชาวไอริช และ Tam วิศวกรชาวจีน

 

ในขณะที่ความคาดหวังในการใช้งาน Shepard เต็มไปด้วยความหวัง แต่ก็มาพร้อมกับความวิตกกังวลจากนักทฤษฎีสมคบคิดที่เชื่อว่าเครื่องเร่งอนุภาคนี้อาจก่อให้เกิด ปริศนาโคลเวอร์ฟิลด์ ซึ่งเป็นภาวะที่สามารถเปิดประตูสู่จักรวาลคู่ขนาน อันอาจนำพาภัยคุกคามมหันตภัยเข้าสู่โลกได้ หลังจากพยายามเปิดใช้งานเครื่องนี้มานานถึงสองปี ในที่สุดลูกเรือก็สามารถสร้างลำแสงที่ดูเสถียรได้ แต่กลับเกิดไฟกระชากอย่างรุนแรงจนทำให้สถานีสูญเสียการควบคุม โลกหายไปจากตำแหน่งที่ควรจะอยู่ และยิ่งไปกว่านั้น ไจโรสโคปที่ใช้ในการนำทางสถานีก็หายไปอย่างลึกลับ

 

ในขณะที่ลูกเรือกำลังพยายามซ่อมแซมสถานการณ์ที่วุ่นวาย พวกเขาได้พบกับหญิงลึกลับชื่อ Mina Jensen ซึ่งถูกสายไฟพันติดอยู่ในกำแพงของสถานีอย่างประหลาด เหตุการณ์ยิ่งซับซ้อนมากขึ้นเมื่อ Volkov เริ่มมีพฤติกรรมแปลกๆ เช่น พูดคุยกับเงาสะท้อนของตัวเอง และสุดท้ายเสียชีวิตอย่างน่าสยดสยองเมื่อตัวเขาระเบิดออกพร้อมกับหนอนจำนวนมาก Jensen ยังได้เตือน Ava Hamilton ว่าไม่ควรไว้ใจ Schmidt โดยกล่าวหาว่าเขาเป็นสายลับที่รัฐบาลเยอรมันส่งมาขัดขวางภารกิจ ในขณะเดียวกัน บนโลก Michael สามีของ Hamilton กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ย่ำแย่ในเมืองที่ถูกทำลายล้างด้วยสัตว์ประหลาดยักษ์ เขาได้ช่วยเหลือเด็กหญิงคนหนึ่งชื่อ Molly และพาเธอไปยังที่พักพิงใต้ดินเพื่อดูแลเธอ

 

กลับมาที่สถานี แขนของ Mundy ถูกดึงเข้าไปในกำแพงและถูกตัดขาด แต่สิ่งที่น่าตกใจคือแขนที่ขาดไปนั้นกลับเคลื่อนที่ได้เองและพยายามสื่อสารกับลูกเรือ มันเขียนข้อความบอกให้พวกเขาผ่า Volkov ซึ่งนำไปสู่การค้นพบไจโรสโคปที่หายไปในร่างของเขา ลูกเรือจึงสามารถค้นหาโลกและฟื้นฟูการสื่อสารได้ แต่ข้อมูลที่ได้รับกลับน่าตกใจยิ่งกว่าเดิม เพราะมันแจ้งว่าสถานี Cloverfield ได้ตกลงสู่โลกไปเมื่อสองวันก่อนในจักรวาลนี้ ลูกเรือตระหนักว่าพวกเขาถูกส่งมายังจักรวาลคู่ขนาน

 

ความพยายามกลับสู่จักรวาลเดิมต้องแลกด้วยชีวิตของลูกเรือหลายคน Tam เสียชีวิตจากอุบัติเหตุในห้องที่น้ำท่วมจนกลายเป็นน้ำแข็ง Kiel เสียสละชีวิตของเขาเพื่อให้ Shepard กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง และ Mundy ถูกฆ่าในอุบัติเหตุที่เกิดจากแรงระเบิดของสนามแม่เหล็ก ในที่สุด Hamilton ตัดสินใจกลับสู่จักรวาลคู่ขนานเพื่อช่วยชีวิตลูกๆ ของเธอ แต่ Jensen กลับทรยศและทำร้ายลูกเรือ โดยยืนกรานว่าสถานีต้องอยู่ในจักรวาลของเธอเพื่อรักษาเสถียรภาพของเครื่องเร่งอนุภาค Hamilton ต่อสู้กับ Jensen และใช้วิธีปล่อยตัวเธอออกสู่อวกาศ ดูหนังไทย เต็มเรื่อง ไม่มีโฆษณาคั่น ได้ฟรีที่นี่

 

Hamilton และ Schmidt สามารถเปิดใช้งาน Shepard ได้สำเร็จและเดินทางกลับมายังจักรวาลเดิมของพวกเขา อย่างไรก็ตาม เมื่อแคปซูลของพวกเขากลับสู่ชั้นบรรยากาศ Michael ได้รับแจ้งข่าวการกลับมาของสถานี แต่เขากลับรู้สึกหวาดกลัวมากกว่าโล่งใจ สัตว์ประหลาดยักษ์ตัวหนึ่งปรากฏตัวจากท้องฟ้าพร้อมกับคำรามกึกก้อง นำพาความสยดสยองที่ยิ่งใหญ่กว่าวิกฤตพลังงานที่เคยเผชิญหน้ามา



ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์


วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2018 กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์และการตลาด เมื่อ Netflix ทำลายขนบการเปิดตัวภาพยนตร์แบบเดิมด้วยการประกาศปล่อย The Cloverfield Paradox (2018) เดอะ โคลเวอร์ฟิลด์ พาราด็อกซ์ ระหว่างเกม Super Bowl ที่มีผู้ชมมากที่สุดในอเมริกาเหนือ ในช่วงเวลาที่ไม่มีใครคาดคิด Netflix ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีของโฆษณาเพื่อเปิดเผยว่าภาพยนตร์ไซไฟระทึกขวัญเรื่องนี้จะพร้อมรับชมในคืนนั้นทันที วิธีนี้ไม่เพียงสร้างความเซอร์ไพรส์แก่ผู้ชมทั่วโลก แต่ยังดึงดูดความสนใจจากผู้ที่สนใจในภาพยนตร์มากกว่าเกมกีฬาใหญ่ที่กำลังถ่ายทอดสด

 

กลยุทธ์นี้ถือเป็นการเคลื่อนไหวที่ชาญฉลาดในสองแง่มุม ประการแรก การเปิดตัวภาพยนตร์ระหว่างการถ่ายทอดสดที่มีผู้ชมมากที่สุดของปี รับประกันการเข้าถึงผู้ชมหลายสิบล้านคน ประการที่สอง Netflix ใช้วิธีการสร้างความตื่นเต้นให้กับภาพยนตร์ที่อาจจะไม่ได้รับความสนใจมากนักหากเผยแพร่ผ่านช่องทางทั่วไป ด้วยวิธีการนี้ พวกเขาไม่เพียงขายภาพยนตร์ แต่ยังขาย ประสบการณ์การรับชมครั้งแรก ที่ดึงดูดความสนใจจากโซเชียลมีเดียแบบสดๆ ทันที The Cloverfield Paradox ภาคที่สามของซีรีส์ Cloverfield มาพร้อมกับความคาดหวังว่าจะเชื่อมโยงจักรวาลของภาพยนตร์ภาคก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม หลังจากเปิดตัว ความคิดเห็นที่หลากหลายก็หลั่งไหลเข้ามา ผู้ชมตั้งคำถามว่าเรื่องราวและวิธีการเปิดตัวภาพยนตร์เช่นนี้มีความหมายอย่างไรในแง่ของอุตสาหกรรมภาพยนตร์

 

ภาพยนตร์กำกับโดย Julius Onah และเขียนบทโดย Oren Uziel โดยมีฉากหลังในโลกอนาคตที่พลังงานขาดแคลนจนทำให้เกิดวิกฤตระดับโลก สถานการณ์นี้ทำให้กลุ่มนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรจากหลากหลายเชื้อชาติถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจบนสถานีอวกาศ Cloverfield เพื่อทดลองเครื่องเร่งอนุภาค Shepard ซึ่งคาดว่าจะเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ไขวิกฤตพลังงานโลก แต่ผลของการทดลองกลับทำให้พวกเขาหลุดพ้นจากความเป็นจริงและไปอยู่ในจักรวาลคู่ขนาน ตัวละครหลัก ได้แก่ Gugu Mbatha-Raw ในบท Ava Hamilton นักวิทยาศาสตร์ที่ต้องทิ้งสามีไว้บนโลกเพื่อเข้าร่วมภารกิจบนสถานี เธอและเพื่อนร่วมงานที่นำแสดงโดยนักแสดงชื่อดังอย่าง Daniel Brühl, Chris O’Dowd, Zhang Ziyi, David Oyelowo และ Aksel Hennie ต้องเผชิญกับเหตุการณ์แปลกประหลาด เช่น การสูญเสียความทรงจำ ความเปลี่ยนแปลงในประวัติส่วนตัว และสิ่งที่ไม่น่าเชื่อถือที่เกิดขึ้นภายในสถานี เช่น แขนที่เคลื่อนที่ได้เองและร่างที่ระเบิดพร้อมหนอนขนาดมหึมา ในขณะที่บนโลก Michael สามีของ Hamilton กำลังเผชิญกับการรุกรานของสัตว์ประหลาดและต้องปกป้องเด็กหญิงคนหนึ่งท่ามกลางความโกลาหล

 

แม้ว่าภาพยนตร์จะมีการแสดงและฉากไซไฟที่น่าตื่นตาตื่นใจ เช่น การออกแบบสถานีอวกาศที่เหมือนเป็นไจโรสโคปหลายชั้น และการสร้างบรรยากาศที่ชวนตื่นเต้น แต่ปัญหาหลักคือบทภาพยนตร์ที่ไม่สามารถเชื่อมโยงเรื่องราวกับภาพยนตร์ภาคก่อนหน้าได้อย่างลงตัว และการพัฒนาเนื้อเรื่องที่ดูเหมือนหยิบยืมไอเดียจากภาพยนตร์ไซไฟหลายเรื่อง เช่น Alien, Solaris, และ Event Horizon The Cloverfield Paradox ถือเป็นตัวอย่างของการทดลองเชิงการตลาดที่ประสบความสำเร็จในแง่การสร้างความฮือฮา แต่ล้มเหลวในแง่คุณภาพเนื้อหา ความคาดหวังว่าจะได้เห็นการเชื่อมโยงจักรวาล Cloverfield อย่างชัดเจนกลับกลายเป็นความผิดหวัง หลายคนตั้งคำถามว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เคยถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์ตั้งแต่แรกหรือไม่ หรือถูกเพิ่มแบรนด์ Cloverfield เข้าไปในภายหลัง

 

อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์การตลาดที่น่าทึ่งนี้ได้จุดประกายการถกเถียงในวงกว้างเกี่ยวกับอนาคตของการเปิดตัวภาพยนตร์ วิธีการที่ Netflix เลือกใช้นำเสนอความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในการนำเสนอเนื้อหาที่แปลกใหม่และกระชับความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชมกับแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง แต่ในขณะเดียวกัน ก็เตือนให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ตระหนักว่าการตลาดที่ยอดเยี่ยมไม่สามารถกลบข้อบกพร่องในคุณภาพเนื้อหาได้ The Cloverfield Paradox เป็นบทเรียนที่สำคัญในโลกของภาพยนตร์ไซไฟและการตลาด ว่าการสร้างความคาดหวังที่สูงส่งจะต้องมาพร้อมกับการส่งมอบที่เทียบเท่าความหวังของผู้ชม หากไม่เช่นนั้น ความตื่นเต้นในช่วงแรกอาจกลายเป็นความผิดหวังที่คงอยู่นานกว่าเสียงปรบมือในคืนเปิดตัว ติดตามเรื่องราวทั้งหมดของหนังได้ที่ mvhd24.com ภาพคมชัด ไม่มีโฆษณาคั่น รับชมหนังฟรี ตลอด 24 ชม.

 

#TheCloverfieldParadox  #เดอะโคลเวอร์ฟิลด์พาราด็อกซ์  #ดูหนังไทย  #mvhd24  #รีวิวหนัง  #MovieReview  #MovieSpoilers


 


กลับด้านบน

Report this page