REVIEW OF WIMAN NAM

Review of Wiman Nam

Review of Wiman Nam

Blog Article

รีวิว ‘วิมานหนาม’


Review-of-Wiman-Nam

ข้อมูลหนัง


ผู้กำกับ : บอส นฤเบศ กูโน 


โปรดิวซ์เซอร์: วัน วรรณฤดี พงษ์สิทธิศักดิ์


ผู้ผลิต : ค่าย จีดีเอช, ใจ สตูดิโอ 


แนว : ดราม่า ทริลเลอร์ 


เรท : 15+


นำแสดงโดย : เจฟ ซาเตอร์, อิงฟ้า วราหะ, เต้ย พงศกร, เก่ง หฤษฎ์, สีดา พัวพิมล


 

เรื่องย่อ วิมานหนาม


ดูหนังออนไลน์ฟรี ภาพยนตร์ดราม่าทริลเลอร์ ค่าย จีดีเอช ร่วมกับ ใจ สตูดิโอ เมื่อบ้านพร้อมสวนทุเรียน ที่ควรเป็น ‘วิมาน’ ความรักของชายสองคน ถูกช่วงชิงไปด้วยกฎหมาย การขุด ‘หนาม’ ในตัว เพื่อปกป้องและทำลาย จึงเริ่มต้นขึ้น นำแสดงโดย เจฟ ซาเตอร์, อิงฟ้า วราหะ 22 สิงหาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

 

เมื่อบ้านพร้อมสวนทุเรียน ที่ควรเป็น ‘วิมาน’ ความรักของชายสองคน ถูกช่วงชิงไปด้วยกฎหมาย การขุด ‘หนาม’ ในตัว เพื่อปกป้องและทำลาย จึงเริ่มต้นขึ้น

 

‘ทองคำ’ (เจฟ ซาเตอร์) และ ‘เสก’ (เต้ย พงศกร เมตตาริกานนท์) คู่รักหนุ่มชาวสวน ช่วยกันปลูกบ้านและทำสวนทุเรียนบนที่ดินของเสกที่ติดจำนองอยู่ ทองคำใช้เงินก้อนใหญ่ทั้งหมดในชีวิตไถ่ถอนที่ดินให้เสก จนได้มาซึ่งโฉนดที่ดิน อันเปรียบเสมือนทะเบียนสมรสของคนทั้งคู่ พวกเขากำลังจะได้พบกับความสุข แต่แล้ว เสก เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต บ้านและสวนจึงต้องตกเป็นของ ‘แม่แสง’ (สีดา พัวพิมล) แม่ของเสก ผู้มีสิทธิ์ตามกฎหมาย แม่แสงได้พา ‘โหม๋’ (อิงฟ้า วราหะ) ลูกสาวที่เก็บมาเลี้ยง รวมทั้ง ‘จิ่งนะ’ (เก่ง หฤษฎ์ บัวย้อย) น้องชายของโหม๋ เข้ามาถือสิทธิ์ครอบครองวิมานแห่งนี้

 

บ้านหลังสวยและสวนทุเรียนเป็นดั่ง ‘วิมานรัก’ ของ เสก (เต้ย – พงศกร เมตตาริกานนท์) และ ทองคำ (เจฟฟ์ – วรกมล ซาเตอร์) คู่รักเกย์ที่กำลังสร้างเนื้อสร้างตัว ทองคำใช้เงินเก็บก้อนสุดท้ายปลดจำนองที่ดินมาครอบครองจนได้ และลงทุน ลงแรงช่วยกันทำสวนทุเรียน และหวังจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเคียงข้างกันตลอดไป

 

วิมานรักถึงคราวพังทลาย เมื่อเสกประสบอุบัติเหตุและจากโลกใบนี้ไป ทิ้งให้ทองคำอยู่ดูแลสวนทุเรียนอยู่เบื้องหลังเพียงลำพัง เวลานั้นเอง แม่แสง (สีดา พัวพิมล) แม่ของเสก, โหม๋ (อิงฟ้า วราหะ) ลูกบุญธรรมของเธอ ก็เริ่มเข้ามามีบทบาทในสวนทุเรียนแห่งนี้ และยังพา จิ่งนะ น้องชายของโหม๋ (เก่ง หฤษฎ์ บัวย้อย) เข้ามาทำสวนทุเรียนด้วย ท้ายที่สุดศาลตัดสินให้ที่ดินผืนนี้ตกเป็นของแม่ ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิ์ได้รับมรดกของเสกโดยชอบธรรม โหม๋ก็เริ่มมีความหวังว่าเธอจะได้ครอบครองที่ดินแห่งนี้เช่นกัน

 

ทองคำ ผู้ทุ่มทั้งเงิน แรงกายให้กับสวนแห่งนี้ กลับไม่เหลืออะไรเลย เขาจึงพยายามหาทางเอาสวนทุเรียนคืนมาให้ได้ ทำให้ต่างฝ่ายต่างต่อสู้ ฟาดฟัน และสงครามแย่งชิง ‘วิมานหนาม’ ก็เริ่มต้นขึ้น

 

ความจนและชนบทที่ว่างเปล่าไร้ความหวัง ยิ่งทำให้ภาพของ ‘ความเหลื่อมล้ำ’ ชัดขึ้นทุกมิติ ตัวละครทุกตัวล้วนเจ็บปวดแสนสาหัส ทำให้พวกเขาปกปิดความอ่อนแอ เปราะบาง ด้วยหนามแหลมคมที่สร้างขึ้นมา

 

“แต่งงานกันนะ” เป็นคำหมั้นหมายแค่เพียงลมปากของเสกที่ให้กับทองคำเท่านั้น สังคมไม่เคยมองเห็นและยอมรับความรักของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย 

 

ภาพยนตร์ชวนให้เห็นการที่สังคมยังคงเลือกปฏิบัติต่อคู่รัก LGBTQIA+ โดยเฉพาะการสมรสที่ไม่ถูกยอมรับ ซึ่งนำมาซึ่งการเสียสิทธิ์หลายอย่างของคู่รัก ทั้งการเซ็นยินยอมให้รักษาพยาบาล การมีสิทธิ์ในการได้รับมรดก การทำธุรกรรมต่างๆ ร่วมกัน ต่อให้ความรักนั้นจะจริงแท้แค่ไหน โลกก็ยังมองไม่เห็น นอกจากจะเจ็บปวดที่ต้องเสียคนรักไป ทองคำยังถูกบีบให้อับจนหนทาง และทำให้เขาต้องลุกขึ้นมาทวงสิ่งที่เขาควรจะได้รับคืนมา

 

ภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสนอชีวิตของคู่ชายรักชายอย่างชัดเจน และในขณะเดียวกันก็เล่าถึงความเหลื่อมล้ำทางเพศในมุมของ ‘ผู้หญิง’ ได้คมคายไม่แพ้กัน ผ่านตัวละคร ‘โหม๋’ ลูกสาวบุญธรรมที่แม่แสงเก็บมาเลี้ยง 

 

‘โหม๋’ อุทิศชีวิตทั้งหมดของเธอให้กับการดูแลแม่เลี้ยงพิการ เธอทำอาชีพปลูกกะหล่ำแปลงเล็กๆ พอได้เศษเงินประทังชีวิต โดนคนรักหลอกให้หวังลมๆ แล้งๆ จนกระทั่งรู้ตัวอีกที เธอสูญเสียโอกาสในชีวิตไปมากมาย ก็ติดอยู่ในวังวนแห่งความยากจนไปตลอดกาล 

 

ชีวิตในชนบทว่าลำบากแล้ว เกิดเป็นผู้หญิงชาติพันธุ์ในชนบทยิ่งลำบากกว่า ชาติพันธุ์มีสังคมที่เข้มแข็งและมีประเพณีที่ยึดถือกันเฉพาะในกลุ่ม ซึ่งค่านิยมบางประการนั้นยังคงกดขี่เพศหญิงอย่างมาก เช่น ในสังคมชาวม้ง หลังจากแต่งงานผู้หญิงจะต้องออกจากบ้านไปอยู่บ้านสามี และถือว่าตัดขาดจากครอบครัวของตัวเองและการนับถือความเชื่อที่เคยมีมา การหย่าร้างถือเป็นความล้มเหลว เธอจะไร้ที่อยู่อาศัยและไม่มีพื้นที่ทางศาสนาอีกต่อไป สังคมบีบให้ผู้หญิงต้องอดทน อดกลั้น ไม่มีปากมีเสียง เพื่อรักษาสถานะของครอบครัวเอาไว้ 

 

ไม่ใช่ว่าไม่อยากหนี แต่แรงกดดันทั้งจากสังคมและความจนอันไม่มีที่สิ้นสุด คอยฉุดรั้งให้เธอต้องจำใจใช้ชีวิตเช่นนั้นต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาถึงจุดเปลี่ยนเมื่อเสกได้จากไป การพังทลายของระบอบชายเป็นใหญ่ที่ครอบงำเธอไว้ได้อันตรธานหายไป เธอก็เริ่มมีหวังอีกครั้งเมื่อที่ดินของเสกตกเป็นของแม่ เธอหวังว่าจะได้ชีวิตที่ถูกขโมยไปกลับคืนมา

 

แม้จะใช้กลยุทธ์อันแยบยลในการเข้าสู้เพื่อแย่งชิงสวนทุเรียน แต่ท้ายที่สุดแม่ก็มองว่าเธอเป็นเพียงหญิงรับใช้คนหนึ่ง ไม่มีใครมองว่าสิ่งที่เธอทำนั้นมีค่า แต่กลับมองว่าเป็นสิ่งที่เธอควรจะทำในฐานะลูกสาวและผู้หญิง โหม๋ไร้แต้มต่อในการสู้ในศึกครั้งนี้ ทำให้เธองัดเอาไม้ตายสุดท้ายมาใช้เพื่อให้ได้วิมานแห่งนี้มาครอบครอง ยิ่งอ่อนแอหนามของเธอก็ยิ่งกล้าแกร่งและแหลมคมจนละทิ้งความเป็นมนุษย์ไปเสียสิ้น  

 

ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์


ภาพยนตร์ชี้ให้เห็นถึงบทสรุปอันเป็นรูปธรรม ผ่านตัวละคร ‘ปลัด’ สามีใหม่ของโหม๋ ซึ่งโกยเงินค่าสินสอดทั้งหมดไป เป็นคนที่ลอยตัวที่สุดในเรื่องนี้ หากย้อนกลับไปตอนต้นเรื่อง ทองคำไปปรึกษาทนายเรื่องที่ดิน และทนายได้บอกกับเขาว่า “สุดท้ายถ้าไม่มีใครรับมรดก ที่ดินผืนนี้จะตกเป็นรัฐ” แสดงให้เห็นว่าแม้ทองคำลงแรงไปเท่าไหร่ โหม๋จะสู้ยิบตาแค่ไหน สุดท้ายคนที่มีสิทธิ์เหนือทุกอย่างคือรัฐ ซึ่งเป็นอำนาจใหญ่ที่กุมชะตาชีวิตของคนทั้งหมดไว้  2u-hd.com

 

ตัวละครค่อยๆ ไล่ระดับการฟาดฟันไปเรื่อย ๆ เริ่มตั้งแต่สายตา คำพูดเสียดแทงใจ การกระทำเล็กๆ น้อยๆ ที่จ้องจะกำจัดอีกฝ่าย จนกระทั่งสุดท้ายทุกคนเผยให้เห็นสันดานดิบ หยิบหนามแหลมออกมาทำลายอีกฝ่ายจนสิ้นซาก 

 

ภาพยนตร์ไม่ได้เปิดเผยว่าตัวของเสกนั้นเผชิญเรื่องราวอย่างไร แต่แสดงออกผ่านแม่แสงที่เชื่อว่าเธอเป็นเจ้าของชีวิตลูก ดังคำกล่าวของเธอที่ว่า “ลูกคือสมบัติของแม่ ของของลูกก็คือของของแม่”

 

ปลัดซึ่งเป็นคนของรัฐเป็นสัญญะที่ทำให้เห็นว่าพวกเขาต่างก็เป็นเหยื่อของระบบที่ใหญ่กว่านั้น ซึ่งเป็นอำนาจที่กำหนดชะตาชีวิตของทุกคนอยู่ เป็นอำนาจที่บิดเบี้ยวและไม่เคยเห็นความสำคัญของปัจเจกบุคคลมาตั้งแต่แรก ทั้งความเหลื่อมล้ำ ไม่เท่าเทียมทางเพศ ความจนเรื้อรัง ทั้งหมดล้วนเกิดจากรัฐ และก็เป็นรัฐอีกที่ได้ผลประโยชน์ทุกอย่างไป นับเป็นต้นเหตุแห่งความบิดเบี้ยวทั้งหมดราว ท้ายที่สุดแล้วภาพยตร์เรื่องนี้อาจกำลังบอกเราว่าศัตรูที่น่ากลัวที่สุดอาจไม่ใช่คนที่เรากำลังต่อสู้อยู่ แต่อาจเป็นอำนาจที่ใหญ่กว่านั้นที่กำลังผลักให้เราต้องต่อสู้กันเอง

 

#หนังออนไลน์ฟรี #TheParadiseOfThorns #วิมานหนาม


กลับด้านบน

Report this page